วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

เกี่ยวกับฉัน


ชื่อ : นางสาวพรสุดา พูลอ่อน
เกิดวันที่ : 12 เมษายน 2531
อายุ : 19
เพศ : ผู้หญิง
สัญลักษณ์โหราศาสตร์ : ธนู
ปีนักษัตร : มังกร
อาชีพ :
นักศึกษา
ตำแหน่งที่ตั้ง :
ประเทศไทย
คติเกี่ยวกับฉัน : คนเรามีความพยายามเท่ากัน แต่ถูกใช้ไม่เท่ากัน
ความสนใจ :
มีความสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาวัฒนธรรมรวมถึงเทคโนโลยีไปพร้อมๆกัน
ภาพยนตร์เรื่องโปรด : THE LETTER , 10,000 BC
ดนตรีโปรด : HIP HOP
หนังสือโปรด : CHEEZE , ICE

สิ่งทีได้รับจากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ



วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ นอกจากจะเป็นการเตรียมตัวก่อนที่จะออกไปฝึกงานจริงแล้วยังเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพแก่ตัวนักศึกษาอีกด้วย ถึงแม้ว่าในอาทิตย์แรกการแต่งกายจะไม่ถูกระเบียบเท่าที่ควร แต่ในสัปดาห์ที่สองเป็นต้นมา ดิฉันเริ่มมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เริ่มจากการแต่งกายให้ถูกระเบียบตามแบบที่มหาวิทยาลัยกำหนด มีการพัฒนาบุคลิกภาพด้านการเดิน ยืน นั่ง เพราะเนื่องด้วยรองเท้าคัตชูที่ใส่ ช่วยฝึกให้เรามีการทรงตัวที่ดีมากยิ่งขึ้น และมีการฝึกในเรื่องการพูดการวางตัว รวมถึงมีการนำวิทยากรจากสถานที่ต่างๆ ทั้งในภายในและนอกมหาวิทยาลัยซึ่งมีความรู้ความสามารถมาบรรยายให้ความรู้แก่ตัวนักศึกษา ถึงแม้ว่าอากาศภายในห้องประชุมจะเย็นไปสักหน่อย

ความสนใจเฉพาะด้าน

ความสนใจเฉพาะด้าน
ดิฉันมีความสนใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ ปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็มันจะเผชิญอยู่กับมลพิษ ฝุ่นควัน เชื้อโรค ทุกวันด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูและสุขภาพมากเป็นพิเศษ เพราะหากเราไม่ใส่ใจต่อสุขภาพแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ดูจะเป็นอุปสรรคไปซะหมด


ดังนั้น ดิฉันคิดว่าการที่เรามีสุขภาพร่างกายที่ดี ทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จเข้าไปอีกหนึ่งก้าว

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

การเลี้ยงน้ำใจพ่อ - แม่

การเลี้ยงร่างกายพ่อแม่ ให้อยู่เย็นเป็นสุขยังหาเพียงพอที่จะ "เปลื้องหนี้"ที่ท่านเคยให้เราไม่ได้ เราเพราะหนี้ของท่านที่มีต่อเรานั้นเป็นหนี้ชนิดที่ไม่ใช่เพียงท่วมบ่าท่วมหูเท่านั้น แต่เป็นหนี้ชนิดท่วมหัวทีเดียว เราจะทดแทนเพียงเล็กน้อยหาคุ้มไม่ เลี้ยงกายท่านยังไม่พอ ยังต้องเลี้ยงน้ำใจท่านควบคู่กันไปด้วย
การเลี้ยงน้ำใจพ่อแม่ก็คือ การไม่ทำให้พ่อแม่ช้ำใจเสียใจหรือถึงกับน้ำตาตกเพราะเราเป็นต้นเหตุ การที่เราผู้เป็นลูกประพฤติตนตามคำแนะนำตักเตือนของท่าน เป็นคนอ่อนน้อม ไม่หัวดื้อ ถือรั้น มีสัมมาคารวะ รักเคารพท่านทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ถือโทษโกรธเคือง และไม่แสดงความไม่พอใจออกมาให้ท่านเห็น ให้ท่านน้อยใจ โดยถือว่าท่านเป็นพระจริงๆ การพูดจาหรือแสดงกิริยาอื่นก็เป็นไปด้วยความยำเกรง มีความยกย่องนับถืออยู่ในที การประพฤติปฏิบัติตนของเราอย่างนี้ ย่อมจะนำความแช่มชื่นเบิกบานใจ และความพอใจมาให้ท่านได้ เราเพราะพ่อแม่นั้นพอเห็นลูกเชื่อถ้อยฟังคำเท่านั้นก็เป็นอันหมดห่วงไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ความกังวลว่าลูกจะไม่ดีดังใจนึก ความกลัวว่าลูกจะลำบากลำบนในวันหน้าก็จะหมดไป เมื่อท่านหมดห่วงใยในตัวเรา ท่านก็จะกินได้นอนหลับ จิตใจก็พลอยสบายไปด้วย
เป็นการต่ออายุให้ท่านได้เสียด้วย
จริงอยู่ บางทีเราอาจจะอยู่ห่างพ่อแม่ ด้วยการไปมีครอบครัวอยู่ที่อื่น คือ ตัวอยู่ไกลไม่อาจจะอยู่ใกล้ชิดได้นานๆ ก็ไปหาท่านบ้าง ไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สุขทุกข์ท่านบ้างตามโอกาส ยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปดูแลรักษาท่าน หรือทำประการอื่นๆ ที่ทำให้ท่านเกิดความสบายใจ การทำเช่นนี้เป็นการเลี้ยงจิตใจท่านทั้งนั้น และเป็นการสนองความหวังของท่าน เพราะพ่อแม่นั้นอุตส่าห์เลี้ยงเรามาก็เพื่อประสงค์ที่ว่า
ยามมีกิจ หวังให้เจ้า เฝ้ารับใช้
ยามป่วยไข้ หวังให้เจ้า เฝ้ารักษา
ยามถึงคราว ล่วงลับ ดับชีวา
หวังให้เจ้า ปิดตา เวลาตายฯ
รวมความว่า การเลี้ยงน้ำใจพ่อแม่ก็คือการทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ท่านเกิดความเบิกบานใจ ไม่ทุกข์กังวลเดือดร้อนหรือไม่สบายใจ เพราะการกระทำของเรา เพราะเราเป็นต้นเหตุ